ความทะเยอทะยาน
ไม่ว่าคุณจะอ่านหนังสือหรือฟังบรรยายหรือเข้ารับการอบรมสัมมนาในหัวข้อเกี่ยวกับ “การพัฒนาตัวเอง” ในด้านใดก็ตาม สิ่งสำคัญสิ่งแรกที่จะถูกสอนให้ทำก่อนเลยคือ “การตั้งเป้าหมายในชีวิตให้ชัดเจน” เพราะการดำเนินชีวิตไปวันๆ โดยไม่มีเป้าหมายเปรียบเสมือนการแล่นเรือใบในมหาสมุทรแล้วปล่อยให้กระแสลมและคลื่นทะเลพัดพาไปโดยไร้จุดหมายปลายทาง
ปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการตั้งเป้าหมายในชีวิตของคน คือ “ความทะเยอทะยาน” ยิ่งมีความทะเยอทะยานมากเท่าไหร่ พลังขับเคลื่อนให้เกิดการตั้งเป้าหมายในชีวิตยิ่งมีมากเท่านั้น คนที่มีความทะเยอทะยานสูง นอกจากจะมีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว เขามักจะมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่และท้าทายตลอดเวลา เป็นเป้าหมายที่เปรียบเสมือนหลักกิโลเมตรที่เปลี่ยนไปข้างหน้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งไม่ได้เป็นแค่หลักชัยที่เมื่อไปถึงแล้วจะหยุดทันที
ความทะเยอทะยาน หมายถึง ความอยากมีฐานะหรือภาวะที่สูงขึ้น ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งความทะเยอทะยานสามารถสร้างพลังขับเคลื่อนให้เกิดการลงมือทำได้มากกว่าความใฝ่ฝัน โดยคนที่มีความทะเยอทะยานสูงส่วนใหญ่มักเป็นคนที่เรียนเก่ง มีความรู้ดี มีความสามารถสูง เพราะมีเป้าหมายสูง อยากร่ำรวย อยากมีชื่อเสียงและอยากประสบความสำเร็จในชีวิต
ความทะเยอทะยานเป็นสิ่งที่ทุกคนมีติดตัวมาแต่กำเนิดและถูกหล่อหลอมร่วมกับอิทธิพลที่ได้รับจากการอบรมเลี้ยงดูและประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านมา จึงทำให้แต่ละคนมีความทะเยอทะยานไม่เท่ากันและนำพลังขับเคลื่อนไปใช้ในทิศทางที่แตกต่างกัน การใช้ความทะเยอทะยานเพื่อสร้างความสุขและความสำเร็จในชีวิตอย่างแท้จริงจึงควรอยู่บนพื้นฐานของความพอเหมาะพอดี ถูกต้องตามขนบธรรมเนียมและศีลธรรมอันดีงาม ไม่ผิดกฏหมาย ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่ทำลายสังคมและสิ่งแวดล้อม
คนที่ขาดความทะเยอทะยาน มักชอบคิดว่าตัวเองมีความสามารถไม่มากพอ จึงทำให้ไม่กล้าตั้งเป้าหมายสูง แต่ก็ไม่มีความพยายามที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม บางคนชอบอ้างว่าตัวเองไม่มีโอกาส แต่ในชีวิตที่ผ่านมาก็ไม่เคยขนขวายเพื่อสร้างโอกาสใดๆ ให้กับตนเอง แต่ก็มีบางคนที่ไม่มีความทะเยอทะยานเพราะไม่ต้องการรับผิดชอบใคร ชอบความสบายและก็มีเป้าหมายในชีวิตชัดเจนที่จะอยู่อย่างพอเพียงเช่นนั้น
ความทะเยอทะยานเป็นลักษณะนิสัยอย่างหนึ่งของคน ซึ่งการที่คนๆ หนึ่งจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงนิสัยของตัวเองไปจากเดิมได้นั้น ย่อมต้องอาศัยความมุ่งมั่นตั้งใจหรือความอยากของเขาเองเป็นสำคัญ ไม่ว่าแรงกระตุ้นที่ทำให้คนๆ นั้นเกิดเปลี่ยนแปลงจะเกิดจากแรงกดดัน แรงจูงใจหรือแรงบันดาลใจก็ตาม เราต้องยอมรับกฏทองข้อนี้ก่อนว่า เราไม่สามารถบังคับให้ใครเปลี่ยนนิสัยได้โดยตรง แต่เราอาจช่วยได้เพียงแค่ทางอ้อมโดยทำให้เขารู้สึกหิวกระหายเท่านั้น
ในชีวิตการทำงาน หากใครก็ตามที่กำลังรับบทผู้นำ ผู้บริหาร ผู้จัดการ หรือหัวหน้าควรสำรวจตัวเองก่อนว่ามีความทะเยอทะยานมากน้อยแค่ไหนและมีเป้าหมายในการทำงานชัดเจนและยิ่งใหญ่เพียงพอหรือไม่ เราสื่อสารเป้าหมายเหล่านั้นเพื่อให้ลูกน้องเข้าใจและมองเห็นได้ชัดเจนอย่างไร เราทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีและสอนให้เขารู้วิธีการทำที่ถูกต้องเพื่อให้งานบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายแล้วหรือยัง
องค์กรที่จะประสบความสำเร็จ มีรายได้สูงขึ้นทุกปี มีกำไรเพิ่มขึ้นทุกปี มีลูกค้าเพิ่มขึ้น มีชื่อเสียงและความมั่นคงเพิ่มขึ้นได้ ย่อมขึ้นอยู่กับความทะเยอทะยานและความดีของผู้นำ ผู้นำนอกจากต้องเก่งงานและเก่งคิดแล้ว ต้องเก่งคนและเข้าใจธรรมชาติของคน รู้จักใช้คนให้ถูกตามความถนัด ถูกจริต ถูกนิสัย เหมาะสมกับความทะเยอทะยานของแต่ละคน และที่สำคัญ หากพบว่าลูกน้องคนไหนไม่เหมาะสมกับงานใดๆ เลยก็ต้องกล้าพอที่จะกำจัดออกไปจากองค์กรเช่นกัน
ณัฐ นิวาตานนท์
กรรมการผู้จัดการ
บริษัท ดี.จี. ทรานส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
ผู้ขนส่งสารเคมีและวัตถุอันตรายมืออาชีพ