คนเรามักชอบอยู่ใกล้คนที่ทำให้เรามีความสุข อยู่ใกล้แล้วทำให้เรารู้สึกดีกับตัวเองเพิ่มขึ้น ภูมิใจในตัวเองมากขึ้น อยู่ใกล้แล้วทำให้เราเกิดแรงบันดาลใจอยากที่จะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ซึ่งหากเราได้พบกับคนๆ นั้นจริง ความรู้สึกดีๆ ที่เรียกว่า “มิตรภาพ” ก็จะผุดขึ้นในใจของเราทันทีและพร้อมที่จะมอบให้กับคนๆ นั้นด้วยความเต็มใจ ในทางตรงกันข้าม หากเราอยู่ใกล้คนที่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองแย่ลง ภูมิใจในตัวเองน้อยลง เราย่อมไม่อยากเข้าใกล้คนๆ นั้นและมีแนวโน้มที่จะไม่ชอบเขาด้วย และบางคนอาจถึงขั้นมองว่าเป็นศัตรูเลยก็ได้
มิตรภาพหรือภาพแห่งความเป็นมิตรระหว่างคนสองคนขึ้นไปจะเกิดขึ้นได้ต้องอยู่บนพื้นฐานที่ทุกคนจะต้องมีความสุขเมื่อได้เป็นมิตรกัน ซึ่งปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะสร้างมิตรภาพให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืนได้ก็คือ การให้ และการให้ที่ง่ายที่สุดคือ การให้รอยยิ้มเมื่อทักทายกัน รวมถึงการให้ความช่วยเหลือที่มีการร้องขอที่เรามักเรียกว่า การให้ความร่วมมือ และการให้ความช่วยเหลือที่ไม่จำเป็นต้องมีการร้องขอ แต่เกิดจากความรัก ความห่วงใยและความเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน
การให้อภัยและให้โอกาสเป็นการให้อีกรูปแบบหนึ่งที่สามารถสร้างพลังให้เกิดมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่กว่าการให้สิ่งอื่นใดเพราะในช่วงชีวิตของคนเราย่อมมีโอกาสทำบางสิ่งบางอย่างผิดพลาดไปบ้าง เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่รู้จริง ใจร้อนวู่วาม ขาดประสบการณ์ บางคนชีวิตอาจด้อยโอกาส เติบโตมาจากการเรียนรู้แบบลองผิดลองถูก ไม่เคยได้รับการอบรมชี้แนะสั่งสอนแนวทางที่ถูกต้อง และพร้อมที่จะแก้ไขปรับปรุง เมื่อได้รับโอกาส แต่ถ้าหากเป็นคนที่ทำผิดพลาดซ้ำซาก ใช้โอกาสที่เคยได้รับอย่างฟุ่มเฟือย แม้ว่าสมควรได้รับการให้อภัย แต่โอกาสที่จะได้รับก็คงต้องพิจารณากันอย่างเหมาะสมอีกที
ปัจจัยสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดของการให้ที่จะสร้างพลังแห่งมิตรภาพได้อย่างยั่งยืนและยาวนานที่สุดคือ “ความจริงใจ” ที่เป็นการให้โดยไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทน เป็นการให้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาดีที่จะให้ผู้รับได้ดี ใช้ชีวิตได้อย่างถูกต้อง มีความสุขและต้องการให้พ้นทุกข์อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้รับจะสัมผัสและรับรู้ได้ก็ต่อเมื่อผู้ให้ได้ให้สิ่งเหล่านั้นออกไปด้วยใจอย่างแท้จริงเท่านั้น
ณัฐ นิวาตานนท์
กรรมการผู้จัดการ
บริษัท ดี.จี. ทรานส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
ผู้ขนส่งสารเคมีและวัตถุอันตรายมืออาชีพ