เหตุผลหลักในการทำงานของคนส่วนใหญ่คือ “ต้องการเงิน” จึงทำให้กิจกรรมที่ทำแล้วได้เงินมักถูกเรียกว่า “การทำงาน” แม้ว่าบางคนอาจต้องทำงานบางอย่างที่ไม่ได้เงินเป็นค่าตอบแทนโดยตรง แต่ก็เป็นการทำเพื่อลดค่าใช้จ่ายในครอบครัว ทำให้เหลือเงินมากขึ้น เช่น การดูแลเลี้ยงลูก การทำงานบ้านแทนการจ้างคนอื่นมาทำ หรือบางคนอาจเลือกทำงานบางอย่างที่แม้ว่าจะไม่ได้เงิน แต่ก็เป็นงานที่ทำแล้วได้ชื่อเสียงหรือได้เครือข่ายพันธมิตรเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งนั่นคือ ต้องการเงินทางอ้อม เช่นกัน
การทำงานจึงเป็นกิจกรรมประเภทเดียวที่ทำให้เราได้เงินเพิ่มขึ้น และในชีวิตจริงเรายังมีกิจกรรมที่ต้องทำอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ไปกินข้าว ไปดูหนัง ไปร้องเพลง ไปเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ช๊อปปิ้ง การออกกำลังกาย การนอนหลับ การดูทีวี ฟังเพลง การอ่านหนังสือ เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกิจกรรมที่ต้องใช้เงินแทบทั้งสิ้น
ตราบใดก็ตามที่เงินยังเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการดำรงชีวิต เราย่อมต้องให้ความสำคัญกับกิจกรรมการทำงานเป็นลำดับแรก และต้องเข้าใจว่า “คุณค่าของงานที่เราทำจะเป็นตัวกำหนดมูลค่าของเงินที่เราสมควรจะได้รับเป็นค่าตอบแทนเสมอ” ยิ่งผลงานของเราสามารถช่วยแก้ปัญหาหรือสร้างประโยชน์ให้แก่ผู้ที่จ่ายเงินให้เราได้มากเท่าไหร่ เงินที่เขาเต็มใจที่จะจ่ายให้เราก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
ประเด็นหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามของกิจกรรมการทำงานคือ เราควรตั้งเป้าหมายที่จะทำให้ผู้ว่าจ้างหรือลูกค้าได้รับความสุขจากผลงานของเราก่อน แล้วค่อยย้อนกลับไปมองว่า ตัวเราจะมีความสุขกับการทำงานและจะสร้างผลงานเช่นนั้นได้หรือไม่ โดยพึงระลึกไว้เสมอว่าตราบใดที่ผู้ว่าจ้างหรือลูกค้าไม่มีความสุข โอกาสที่เขาจะใช้บริการของเราต่อไปย่อมน้อยลงและเลิกไปในที่สุด สุดท้ายความสุขของเราก็ไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด
การให้ความสำคัญกับการทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้การทำงานดีขึ้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เช่น การนอนหลับให้เพียงพอ การกินอาหารให้มีประโยชน์ การออกกำลังกายและการดูแลรักษาสุขภาพ รวมถึงการศึกษาหาความรู้เพื่อเพิ่มพูนทักษะในการทำงานให้ดีขึ้นด้วยการอ่านหนังสือ ศึกษาข้อมูลจากอินเตอร์เนต ดูคลิปวีดีโอที่มีประโยชน์จากยูทูบ การสมัครเรียนในคอร์สฝึกอบรมต่างๆ การหาโอกาสไปพูดคุยกับผู้ที่มีความรู้ ไปดูงานของคนอื่นเพื่อนำมาใช้เป็นแนวคิดในการปรับปรุงและพัฒนางานของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่ากิจกรรมเหล่านั้นจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนบ้างก็ตาม
การแบ่งเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดในชีวิตเพื่อใช้ทำกิจกรรมเพื่อดูแลหรือสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในครอบครัว ญาติสนิท มิตรสหายและผู้คนรอบข้างเป็นสิ่งจำเป็นซึ่งบางครั้งอาจเกิดสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ แต่เราจำเป็นต้องใช้สติ วิจารณญาณและวินัยเพื่อปรับตัวให้ได้ตามความเหมาะสม
สิ่งสำคัญที่อยากฝากไว้เป็นข้อคิดคือ การใช้เวลาเพื่อทำกิจกรรมที่มุ่งเน้นแต่ความสนุกสนานและความบันเทิงไร้สาระที่ไม่ได้ส่งเสริมให้การทำงานดีขึ้น ไม่ได้พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ และที่ร้ายกว่านั้นคือทำให้ตัวเองแย่ลงกว่าเดิม เช่น การไปเที่ยวดึกดื่นทุกวัน กินเหล้าเมาค้าง เล่นการพนัน ซึ่งหากเราสามารถกำจัดกิจกรรมเหล่านั้นออกไปจากตารางชีวิตได้ ความสำเร็จและความก้าวหน้าในหน้าที่การงานที่จะนำไปสู่การมีเงินทองเพิ่มพูนมากขึ้นก็คงจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน
ณัฐ นิวาตานนท์
กรรมการผู้จัดการ
บริษัท ดี.จี. ทรานส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
ผู้ขนส่งสารเคมีและวัตถุอันตรายมืออาชีพ