กระจกเงาเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในชีวิต เพราะเราต้องใช้ส่องมองดูตัวเอง ก่อนออกจากห้องน้ำ หรือก่อนออกจากบ้าน เพื่อสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้น ก่อนออกไปพบปะผู้คนในสังคม และข้อดีของมันคือ ไม่ว่าจะส่องกระจกบานไหน ในที่ใดก็ตาม ภาพที่เห็นจะไม่มีความแตกต่าง เพราะมันจะสะท้อนภาพของตัวเราตามความเป็นจริงทุกประการ เหตุผลสำคัญอีกอย่างหนึ่งของการส่องกระจกก็คือ ต้องการให้เราดูดีในสายตาของผู้อื่น บางคนอาจต้องการดูภูมิฐาน น่าเชื่อถือ บางคนต้องการดูร่ำรวย มีรสนิยมสูง บางคนต้องการดูเป็นคนรุ่นใหม่ ทันสมัย หรือ บางคนอาจแต่งตัวเพื่อปิดบังความร่ำรวย สไตล์ผ้าขี้ริ้วห่อทอง เพราะกลัวถูกยืมเงิน หรือ โดนปล้น
   กระจกเงา แม้ว่าจะช่วยสะท้อนให้เห็นภาพ แต่มันไม่สามารถบอกให้รับรู้ถึง ความรู้สึกที่แท้จริงของคนอื่นที่มีต่อเราได้ ดังนั้น การใช้กระจกเงา จึงอาจใช้เป็น ตัวชี้วัดความเชื่อมั่นในตัวเองของคนได้ด้วย เพราะคนที่เชื่อมั่นในตัวเองสูงมักใช้มันเพื่อส่องดูตัวเองให้ดูดีตามแบบที่ตัวเองต้องการ มากกว่าให้ดูดีตามความต้องการของคนอื่น ภาพลักษณ์ภายนอก เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เพราะมันเป็นความประทับใจแรกพบ ที่คนส่วนใหญ่ใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินกันและกัน และแน่นอนว่าเราย่อมมีความรู้สึกสบายใจและอุ่นใจเมื่อได้อยู่ใกล้คนที่ดูดี มีบุคลิกน่าเชื่อถือ และย่อมรู้สึกหวาดระแวงเมื่ออยู่ใกล้คนที่มีภาพลักษณ์คล้ายโจร แม้ว่าภาพลักษณ์ภายนอกจะสำคัญ แต่เราก็ไม่ควรตัดสินคนอื่นจากมันเพียงอย่างเดียว และเราควรมองให้ลึกซึ้งถึง ทัศนคติ และนิสัยใจคอที่แท้จริงของคนๆ นั้น เพราะในทางกลับกัน เราก็ไม่อยากให้ใครตัดสินตัวเราจากภาพลักษณ์ภายนอกเช่นกัน
    กระจกเงาภายนอก ไม่สามารถบอกนิสัยเราได้ แต่เราต้องใช้กระจกเงาที่สร้างขึ้นเองภายในใจ และกล้ารับฟังเสียงสะท้อนจากคนอื่น ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ที่จะได้รับฟังความจริง เพราะในบริบทของสังคมไทยที่มีความเกรงใจเป็นรากฐานที่แข็งแรง ทำให้การบอกความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อคนอื่นในด้านลบ เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง เป็นเรื่องปกติที่คนเรามักชอบคิดเข้าข้างตัวเอง คิดว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่นั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอ และไม่ชอบการถูกตำหนิ เมื่อผนวกกับนิสัยคนไทยที่ไม่ชอบสะท้อนสิ่งที่ไม่ดีให้คนอื่นรับรู้ต่อหน้า ไม่ว่าจะสนิทสนมกันมากเพียงใดก็ตาม จึงทำให้เราไม่มีโอกาสได้มองเห็นตัวเองชัดเจนได้เหมือนการส่องกระจกเงา
   ฉะนั้น คนที่เป็นพ่อ เป็นแม่ จึงไม่ควรหลีกเลี่ยงการทำหน้าที่อบรมสั่งสอน และสะท้อนให้ลูกได้รับรู้ถึงสิ่งที่พวกเขาควรแก้ไข ปรับปรุง เช่นเดียวกับคนที่เป็นหัวหน้าในที่ทำงาน ก็ต้องมีหน้าที่สะท้อนให้ลูกน้องรับรู้ถึง การกระทำ และพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่สมควรทำ แต่ต้องทำอย่างมีศิลปะ และสามารถสื่อให้เขาเห็นถึงความจริงใจที่ต้องการให้พวกเขาดูดีในสายตาของคนอื่นอย่างแท้จริง คนที่มีพ่อแม่ คู่ชีวิต เพื่อนคู่คิด หรือ หัวหน้างาน ที่กล้าสะท้อนภาพลักษณ์และความเป็นตัวตนของเราให้เราได้รับรู้อย่างตรงไปตรงมา โดยปราศจากอคติ จึงถือได้ว่า เป็นคนที่โชคดีมากๆ เหมือนมีกระจกเงาวิเศษคอยบอกเตือน แต่ที่สำคัญคือ เราต้องรู้จักใช้มันให้เป็น เพราะตัวเราเท่านั้นที่จะเป็นคนตัดสินว่าภาพสะท้อนเหล่านั้นเป็นจริงหรือไม่ และเราจะเลือกใช้มันอย่างไรให้เกิดประโยชน์ได้มากที่สุด.

ณัฐ นิวาตานนท์

กรรมการผู้จัดการ

บริษัท ดี.จี. ทรานส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด

ผู้ขนส่งสารเคมีและวัตถุอันตรายมืออาชีพ