นอกเหนือจากการบริหารงานและเงินแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เราควรให้สำคัญไม่แพ้กันคือ “เวลา” งานและเงินนั้นเราต้องดิ้นรนขวนขวายเพื่อให้ได้มันมา แต่ “เวลา” ทุกคนเกิดมาก็จะได้รับทันทีเพียงแต่เราไม่รู้หรอกว่าชาตินี้เขาให้เราติดตัวมาใช้เท่าไหร่และเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากได้น้อยๆ เป็นแน่
เมื่อเราใช้คำว่าบริหารกับเรื่องใด นั่นหมายถึง เรากำลังทำเรื่องนั้นให้สำเร็จตามเป้าหมายที่ต้องการ แต่เนื่องจากเวลาเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เปลี่ยนแปลงให้เพิ่มขึ้นหรือลดลงไม่ได้ หยุดเวลาไว้ไม่ได้ เก็บออมไว้ก็ไม่ได้ ฉะนั้น ความหมายของการบริหารเวลาคือ การทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตให้สำเร็จตามเป้าหมายที่ต้องการ...ในเวลาที่เรามีอย่างเท่าเทียมกันคือวันละ 24 ชั่วโมง
กิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวันของคนเราสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลักๆ ได้แก่
การใช้เวลาไปกับกิจกรรมหลักดังกล่าวจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรจัดสรรอย่างเหมาะสมและไม่จำเป็นต้องเป็นสูตร 8-8-8 เสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในวัยทำงาน การใช้เวลาในการนอนพักผ่อนไม่จำเป็นต้องเต็ม 8 ชั่วโมงเหมือนตอนเป็นเด็ก เราสามารถจัดสรรเวลานอนให้ลดลงแล้วไปเพิ่มเวลาในการทำงานได้
คนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและร่ำรวยทรัพย์สินเงินทองมักจัดสรรเวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงานและพัฒนาตัวเอง ใช้เวลาส่วนน้อยในการทำกิจกรรมที่เรียกว่าพักผ่อนหย่อนใจ รู้จักจัดการกับเวลาสูญเปล่าเช่น ลดเวลาในการเดินทางด้วยการเลือกที่อยู่อาศัยใกล้ที่ทำงาน เปลี่ยนวิธีการเดินทางโดยใช้รถไฟฟ้าแทนที่จะขับรถผจญกับปัญหารถติดบนท้องถนน หรือจ้างแม่บ้านทำงานบ้านแทนที่จะทำด้วยตัวเองเพื่อจะได้เวลามาทำงานที่ให้ประโยชน์มากกว่า
อย่างไรก็ตาม การดำเนินชีวิตและเป้าหมายของแต่ละคนไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องอยากรวย อยากเด่น อยากดัง อยากได้ อยากมี อยากเป็นเหมือนๆ กัน แต่สิ่งสำคัญคือ ทุกคนควรมีเป้าหมายที่ชัดเจน รู้ว่าตัวเองให้ความสำคัญกับเรื่องอะไร รู้ความต้องการในอนาคต รู้สถานะปัจจุบันของตัวเองและ รู้วิธีที่จะเปลี่ยนสถานะปัจจุบันให้เป็นสถานะที่ต้องการในอนาคต...ในเวลาที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้
ประสิทธิผลในการทำสิ่งใดไม่อาจเกิดขึ้นได้เลย ถ้าการลงมือทำสิ่งนั้นปราศจากวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ชัดเจน เช่นเดียวกับเรื่องการบริหารเวลา เราควรมีเป้าหมายจัดสรรเวลาเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันที่ชัดเจน เช่น ตั้งเป้าหมายสูตรการใช้เวลาแบบ 7-10-7 หมายถึง นอนหลับวันละ 7 ชั่วโมง ทำงานวันละ 10 ชั่วโมงและทำกิจกรรมอื่นๆ อีก 7 ชั่วโมง
การจัดสรรเวลาในการทำกิจกรรมอื่นๆ ก็ควรชัดเจนด้วย เช่น ออกกำลังกายให้ได้วันละ 1 ชั่วโมง ทำธุระส่วนตัว 2 ชั่วโมง เดินทาง 1 ชั่วโมง ทำงานบ้าน 2 ชั่วโมงและเหลือสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ 1 ชั่วโมง ซึ่งอาจจะดูเคร่งเครียดไปกับเรื่องงาน แต่อาจเหมาะสมที่จะทำเช่นนี้ในวัยทำงานแล้วค่อยไปปรับลดลงเมื่ออายุมากขึ้นซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นน่าจะเหมาะสมกับสถานะทางการงานและการเงินที่สมควรดีขึ้นจากการทุ่มเทสะสมไว้ตอนหนุ่มๆ
การใช้เวลาในการทำกิจกรรมให้ได้ตรงตามแผนที่วางไว้จึงเป็นพื้นฐานสำคัญของการบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิผล แต่ผลของกิจกรรมที่ทำในแต่ละช่วงเวลาจะออกมาดีหรือไม่ อย่างไร นั่นเป็นเรื่องของประสิทธิภาพในการบริหารเวลา มี 7 มุมมอง ได้แก่ คุณภาพ ความคุ้มค่า คุณค่า ความปลอดภัย จริยธรรม จรรยาบรรณ และมลภาวะ ซึ่งจะขอนำมาขยายความในบทความลำดับถัดไป
ณัฐ นิวาตานนท์
กรรมการผู้จัดการ
บริษัท ดี.จี.ทรานส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
ผู้ขนส่งสารเคมีและวัตถุอันตรายมืออาชีพ